วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

มาเรียนรู้วิธีเล่น Chess แบบเบาๆ สไตล์มือใหม่กันครับ


     มาเรียนรู้วิธีเล่น Chess แบบง่ายๆกันนะครับ ก่อนอื่นเราต้องรู้รายละเอียดของการเล่นทั้งหมดรวมถึงกติกาต่างๆ ซึ่งก็มีไม่มากดังนี้ครับ


- กระดานหมาก Chess จะมีขนาด 8x8 ช่อง โดยจะมีการแรเงาสีดำสลับขาว การตั้งกระดานจะเอาด้านแรเงามุมเดี่ยวอยู่ทางซ้ายมือสุดเสมอ(เหมือนหมากฮอส) การเรียกช่องที่หมากตั้งอยู่จะเรียกเป็น แถว (rank) ตามแนวนอนจาก ล่างขึ้นบนตั้งแต่ 1-8 และ คลอง (file) ตามแนวตั้งจาก ซ้ายไปขวาตั้งแต่ a-h แล้วเรียกโดยเอาคลองตามด้วยแถวเช่น a1, c5, f7 เป็นต้น 


- ตัวหมากมีสีดำและขาว มี 6 ปรเภท ได้แก่ เบี้ย (pawn), ม้า (knight), บิชอป (bishop), เรือ (rook), ควีน (queen) ,คิง (king) ทั้งหมดมีลักษณะเหมือนกันทั้งสองสี โดยฝ่ายเดินก่อนคือ หมากขาว การตั้งหมากเพื่อเริ่มเล่น เริ่มจากแถวที่ 2 (ฝ่ายเดินก่อน) และ แถวที่ 7 (ฝ่ายเดินหลัง) จะตั้งเบี้ยเรียงหน้ากระดาน 8 ตัว และจะตั้งแถวที่ 1 (ฝ่ายเดินก่อน) และแถวที่ 8 (ฝ่ายเดินหลัง) ดังนี้ คลอง a และ h ตั้งเรือ, คลอง b และ g ตั้งม้า, คลอง c และ f ตั้งบิชอป, คลอง d ตั้งควีน (ควีนทั้งสองฝ่ายจะตั้งตรงกัน), คลอง e ตั้งคิง (คิงทั้งสองฝ่ายจะตั้งตรงกัน) เป็นอันเสร็จ วิธีจำง่ายๆก็คือ แถว 1-4 คือ ฝ่ายเดินก่อน, แถว 5-8 คือ ฝ่ายเดินหลัง, คลอง a-d คือ หมากฝั่งควีน, คลอง e-h คือ หมากฝั่งคิง เท่านี้เองครับ



- ความสามารถในการเดินหมาก ดังนี้ครับ
เบี้ย เดินตรงไปข้างหน้าได้ 1 ช่อง เดินกินหมากไปเฉียงซ้ายและขวาได้ 2 ช่อง หรือเรียกว่า เดินตรงกิน เฉียงนั่นเอง และเฉพาะตาแรกสุดที่เบี้ยตัวนั้นจะเดินเท่านั้นที่เลือกเดินไปข้างหน้า 1 หรือ 2 ช่องก็ได้


ม้า เดินตรงไปข้างซ้ายขวาหน้าหลัง ได้ 2 ช่องแล้วออก ข้างได้อีก 2 ทาง รวมแล้วเดินได้ 8 ทิศทาง และยังสามารถกระโดดข้ามหมากตัวอื่นได้อีกด้วย ก็คือ เดินเหมือนม้าในหมากรุกทุกประเภท น่าจะเข้าใจง่ายๆครับ

บิชอป เดินทแยงได้ 4 ทิศ บนซ้าย บนขวา ล่างซ้าย ล่างขวา และเดินได้ยาวจนสุดกระดานกี่ช่องก็ได้

เรือ เดินตรงได้ 4 ทิศ บน ล่าง ซ้าย ขวา และเดินได้ยาวจนสุดกระดานกี่ช่องก็ได้

ควีน เดินได้ 8 ทิศ รอบตัว และเดินได้ยาวจนสุดกระดานกี่ช่องก็ได้ หรือ เอาบิชอปกับเรือมารวมกันเป็นหมากตัวเดียวนั่นเอง

คิง เดินได้ 8 ทิศ รอบตัว 1 ช่อง เหมือนขุนในหมากรุกทุกประเภทนั่นเอง

- การเข้าป้อม(Castling) เป็นการเดินแบบพิเศษที่เดินหมาก 2 ตัวคือ คิงและเรือ ได้ในตาเดียว โดยแต่ละฝ่ายจะมีโอกาสเดินเข้าป้อมได้ฝ่ายละหนึ่งครั้งเท่านั้น การเข้าป้อมมี 2 ฝั่งคือ ฝั่งคิง และ ฝั่งควีน โดยจะเป็นการเดินคิงถัดไป 2 ช่องไปหาเรือ และเดินเรือข้ามคิงไปลงช่องถัดจากที่คิงเพิ่งเดินเข้ามา โดยมีกติกากำกับคือ ต้องไม่มีหมากตัวอื่นขวางระหว่างคิงและเรือ, ต้องเป็นตาเดินตาแรกสุดของทั้งคิงและเรือตัวที่จะเดินเข้าป้อมนั้น, ขุนต้องไม่ถูกรุกก่อนจะเดินและไม่ถูกขู่กินขวางทางเดินทั้งสองช่อง เรือถูกขู่กิน ได้ และกรณีที่เป็นการเข้าป้อมฝั่งควีน ทางที่เรือเดินแต่ขุนไม่ได้เดิน (ช่อง b1 และ b8) ถูกขู่กินได้ และที่เราให้ชื่อว่า เข้าป้อม นั้น ก็เพราะเป็นการเดินเพื่อป้องกันคิงจากศัตรูโดยการเดินคิงหลบเข้าไปในกำแพงเบี้ยและนำเรือมาปิดทางเข้านั่นเองครับ

- การกินผ่าน(En Passant) เมื่อเบี้ยเดินตาแรกไปข้างหน้า 2 ช่อง สามารถถูกกินได้ ถ้ามีเบี้ยฝ่ายตรงข้ามตั้งอยู่ประชิดกับช่องที่เดินไปลงและอยู่ในคลองถัดไป แต่ทำการกินได้เฉพาะในตาถัดไปเท่านั้น เช่น มีเบี้ยดำอยู่ที่ b7 เดินไป b5 และเบี้ยขาวอยู่ที่ c5 สามารถจับกินเบี้ยดำหมากนี้ได้โดยกินผ่านไปลงที่ b6 ครับ (แต่ทำได้เฉพาะในตาถัดไปของหมากขาวเท่านั้น)

- การเลื่อนขั้น(Promation) เมื่อเบี้ยเดินหน้าไปจนถึงแถวสุดท้ายของกระดานก็จะได้เลื่อนขั้น โดยสามารถเปลี่ยนเป็นหมากตัวใดระหว่าง ม้า, เรือ, บิชอป, ควีน ก็ได้โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆทั้งสิ้นจะมีจำนวนกี่หมากก็ได้ครับ โดยทั่วไปก็จะทำการเลื่อนขั้นเป็นควีนกัน แต่ถ้าไม่เป็นควีนจะเรียกว่า underpromotion

- การรุก(Check), รุกจน(Checkmate) และการจบเกม เมื่อคิงถูกขู่กินโดยหมากฝ่ายตรงข้ามเรียกว่า ถูกรุก ฝ่ายเราต้องทำการแก้ไขการรุกนี้ โดยทำได้ 3 วิธี คือ จับหมากตัวที่รุกกิน, เดินคิงหลบไปไม่ให้ถูกรุก, เดินขุนพลตัวอื่นมาบังไม่ให้ถูกรุก(ยกเว้นถูกรุกด้วยม้า ไม่สามารถบังได้) ถ้าฝ่ายรุกขู่จะกินขุนด้วยและหมากตัวอื่นด้วยในตาเดียวกันเรียกว่า รุกฆาตหรือส้อมจิ้ม (fork) ถ้าฝ่ายที่ถูกรุกไม่สามารถแก้ไขการรุกได้ด้วยวิธีใดๆเลย เราเรียกว่า รุกจน และฝ่ายรุกเป็นฝ่ายชนะไปและจบเกม แต่นอกจากการรุกจนแล้วยังมีการจบเกมแบบอื่นๆอีกด้วย เช่น จบเกมเพราะผู้เล่นถอนตัว, จบเกมเพราะใช้เวลาหมด และยังสามารถจบเกมด้วยการเสมอได้ดังนี้ เสมอเพราะทั้งสองฝ่ายตกลงกัน, เสมอเพราะเกิดอับขุน(Stalemate) หรือฝ่ายหนีไม่สามารถเดินหมากตัวใดๆได้เลย แต่ไม่ได้ถูกรุก, เสมอเพราะเดินซ้ำไปซ้ำมาสามครั้ง(Threefold repetition), เสมอเพราะเดินไป 50 หมากแล้วไม่มีการกินหมากใดๆเกิดขึ้นเลย(Fifty-move rule) และเสมอเพราะไม่เหลือขุนพลพอจะทำการรุกจนได้


- การจดบันทึกหมากที่เดิน(Notation) จะจดชื่อหมากตามด้วยตาที่หมากเดินไป (ตาก่อนจะเดินไม่ต้องจดนะครับ) โดยจดดังนี้ เบี้ยจะจดเฉพาะตาที่เดินไป เช่น d4 คือเดินเบี้ยไปที่ช่อง d4, เรือจะใช้ตัว R เช่น Ra7, บิชอปจะใช้ตัว B ่เช่น Bc4, ม้าจะใช้ตัว N(ไม่ใช้ K เพราะซ้ำกับ คิง) เช่น Nc3, ควีนจะใช้ตัว Q เช่น Qb3, คิงจะใช้ตัว K เช่น Ke2

- ทีนี้หลายคนคงสงสัยว่าแล้วถ้ามีสองหมากเดินไปช่องเดียวกันได้ทั้งสองหมาก เช่น ม้า หรือ เรือ จะจดบันทึกอย่างไรไม่งงแย่หรือ? วิธีคือจดจุดเริ่มต้นที่หมากตัวที่เดินตั้งอยู่โดยจดเฉพาะคลองเท่านั้นเพิ่มลงไป เช่น มีเรือสองตัว อยู่ที่ a1 และ h1 เดินตัว h1 ไปที่ e1 ก็จะจดว่า Rhe1 หรือ ม้า เช่น Nbd2 เป็นต้น แต่! ถ้าเป็นเรือแล้วอยู่คลองเดียวกันล่ะ... ก็จดแถวลงไปแทนสิครับ เช่น R7d2 เท่านี้เองครับ

- การจดบันทึกการกินหมาก ใช้ x เช่น Bxc6 หมายถึง เดินบิชอปไปกินหมากที่ c6, การเข้าป้อมใช้สัญลักษณ์ 0-0 สำหรับเข้าป้อมฝั่งคิง และ 0-0-0 สำหรับเข้าป้อมฝั่งควีน, การกินผ่านจดตำแหน่งหมากที่กินไปลงเช่น cxb6 คือกินผ่านจาก c5 ไปลง b6, การเลื่อนขั้นใช้เครื่องหมาย = เช่น e8=Q คือเบี้ยที่ e8 เลื่อนขั้นเป็น ควีน, การรุกใช้เครื่องหมาย + เช่น Rc8+ คือเดินเรือไปที่ c8 และรุก, การรุกจนใช้สัญลักษณ์ # เช่น Nf7# คือ เดินม้าไป f7 รุกจน, การจบเกมใช้สัญลักษณ์ 1-0 เมื่อฝ่ายเดินก่อนชนะ 0-1 เมื่อฝ่ายเดินหลังชนะ และ ½–½ เมื่อออกเสมอ 


- วีธีจดบันทึกหมากที่ผมแสดงมาทั้งหมดเรียกว่า Algebraic notation ครับ ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมที่สุด ผมว่ากว่า 90% จะจดด้วยวิธีนี้ ส่วนอีกวิธีที่พอจะเห็นบ้างแต่น้อยมาก เรียกว่า Descriptive notation ครับ ซึ่งจะใช้วิธีเรียกตาที่หมากเดินไปต่างออกไป เช่น N-KB3 หมายถึงเดิน ม้าไปยังช่อง King's bishop แถวที่ 3 หรือ ช่อง f3 นั่นเอง หรือ Q-KN4 ก็เดินควีนไปช่อง King's knight แถวที่ 4 หรือ ช่อง g4 นั่นเอง แต่วิธีนี้มีจุดที่น่าจะจำผิดได้มากเลยคือ กรณีที่เป็นการเดินของฝ่ายเดินหลัง จะนับแถวของตัวเองเป็น แถวที่ 1 เช่นเดียวกับฝ่ายเดินก่อนทั้งๆที่เป็นแถวที่ 8 ก็คือถ้าฝ่ายเดินหลัง เดิน N-QB3 ก็จะเดิน ม้าไปช่อง Queen's bishop แถวที่ 3 ของฝ่ายเดินหลัง หรือ ช่อง c6 นั่นเอง

- ก็คงครบแล้วสำหรับรายละเอียดวิธีเล่น chess ทั้งหมดนะครับ ผมเขียนค่อนข้างละเอียดเพราะเห็นว่าหลายเว็บ หลายบล็อก ลงไว้ไม่สมบูรณ์ ถ้ายังข้องใจจุดใดเขียนคอมเมนต์ถามมาได้เลยครับ ยินดีตอบอย่างยิ่งเลยจร้า

ที่มารูปภาพ https://www.pexels.com/photo/person-holding-chess-toy-1249157/
                  http://www.free-ebook-samples.com
                  https://academickids.com/encyclopedia/index.php/Algebraic_chess_notation
                  https://en.wikipedia.org/wiki/Descriptive_notation

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2561

โชกิ สงครามหมากกระดานในจินตนาการแบบญี่ปุ่น


     โชกิ นั้นคือ หมากกระดานรูปแบบหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีความคล้ายคลึง กับหมากรุกของไทยเรา หรือที่นักหมากกระดานบางท่านเรียกกันง่ายๆว่า หมากรุกญี่ปุ่นนั่นเอง (แต่ผมไม่แนะนำให้เรียกอย่างนี้นะครับ เรียกว่าโชกิจะดีกว่าครับ) หมากโชกินั้น ก็เหมือนๆกับหมากรุกตรงที่เป็นการจำลองการทำสงคราม ที่มีผู้เล่น 2 ฝ่าย หรือ 2 ประเทศ ทำการศึกรบกัน โดยที่แต่ละฝ่ายก็จะมีขุนพล ทั้งทหาร และ แม่ทัพต่างๆเพื่อใช้ในการรบ และพยายามเป็นผู้ชนะในศึกโดยการจับกิน "ขุน" หรือ ราชาของอีกฝ่ายให้ได้

โดยทั่วไปใน chess นั้นฝ่ายที่จับขุนกินได้นั้นจะต้องเป็นฝ่ายที่ชิงความได้เปรียบหนือผู้เล่นอีกฝ่ายอย่างค่อนข้างชัดเจน และเพราะตัวหมากใน chess มีความเข้มแข็งค่อนข้างมาก การได้เปรียบขุนพลจึงมีผลต่อการรบมากและนำไปสู่ชัยชนะในท้ายที่สุด แต่ในหมากโชกินั้นุุถึงแม้จะได้เปรียบขุนพล แม้กระทั่ง เรือ หรือ บิชอป ก็อาจยังไม่สามารถเป็นผู้ชนะได้ถึงแม้จะเป็นผู้เล่นที่เก่งแล้วก็ตาม เพราะในโชกินั้นการจัดทัพการวางแผน และจังหวะจะโคนของเกมส์มีผลมากกว่าความได้เปรียบตัวขุนพล และกลศึกที่ใช้ก็ยังต่างจากการเล่น chess ด้วย


จุดที่โชกิต่างจาก chess ก็มีมากมายแต่ที่เห็นได้ง่ายๆ ก็เช่น กระดานโชกิมีขนาด 9x9 ช่องและไม่มีการแรเงาสีดำขาวลงไปบนกระดาน ตัวหมากทั้งสองฝ่ายจะเหมือนกันไม่มีสีแต่จะใช้การหันหน้าจั่วเข้าหากันแทน ขุนพลในโชกินั้น มีถึง 8 แบบซึ่งมากกว่า chess ที่มี 6 แบบ แถมยังสามารถ "โปรโมท" ขุนพลให้เข้มแข็งขึ้นเมื่อเดินเข้าสู่เขตแตนของคู่ต่อสู้ ได้ถึง 6 แบบ ซึ่งนี่คือที่มาของสงครามในจินตนาการ เพราะว่าจะมีขุนพลตัวแปลกๆอย่างเช่น ราชามังกร, ม้ามังกร ออกมาด้วย นอกจากนี้จุดที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้โชกิต่างจากหมากกระดานประเภทอื่นๆทั้งหมด ก็คือ โชกินั้นสามารถนำขุนพลของฝ่ายตรงข้ามที่เราจับกินมาได้นั้น กลับมาเพิ่มจำนวนและเป็นขุนพลของฝ่ายเราได้แทน แถมยังนำไปวางตรงไหนของกระดานก็ได้ที่ไม่มีกติกาห้ามไว้ ถึงขนาดวางในแดนคู่ต่อสู้ หรือวางเพื่อรุกฆาตเลยก็ยังได้ (ใครที่นึกภาพไม่ออกลองจินตนาการถึง โกะ ดูครับวางตรงไหนของกระดานก็ได้เหมือนกัน) ซึ่งมันไม่ค่อยเหมือนสงครามในความเป็นจริงมากนัก และนี่คือที่มาของการมีแท่นวางหมากเชลยอยู่ข้างๆกระดานโชกิ ก็เพื่อให้เห็นชัดเจนว่าแต่ละฝ่ายมีเชลยตัวใดบ้างในมือ และความลุ้นตลอดเวลาของโชกิว่าใครจะเป็นฝ่ายรุกฆาตได้ก่อนกันเพราะถึงแม้ทัพยังไม่แตกพ่ายแต่ถ้าขุนยืนโล่งๆ และคู่ต่อสู้มีขุนพลในมือมากพอก็สามารถ "เติมหมาก"หรือวางหมากตามกติกานี้และสามารถเป็นผู้ชนะได้เช่นกัน


มาถึงแผนกลศึกที่ใช้ในโชกิบ้าง การเล่นโชกิมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้คล้ายๆ chess ในหัวข้อใหญ่แต่ต่างกันในรายละเอียด เช่น การเรียนรู้แผนการเล่นช่วงเปิดกระดานซึ่งมีมากมายเป็นร้อยๆแบบ การป้องกันขุนจากการโจมตีด้วยการสร้างป้อมซึ่งมีหลายสิบแบบหรือหลักร้อยแบบเช่นกัน แผนการบุกโจมตีซึ่งต่อเนื่องมาจากการเปิดกระดาน การเล่นเพื่อปิดกระดานหรือรุกฆาตซึ่งต้องอ่านหมากให้ละเอียดเพราะต้องใช้ขุนพลในมือเติมหมากลงไปถ้าหมดมือแล้วยังไม่ฆาตเราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมากเพราะรอให้เขาบุกกลับฝ่ายเดียวจนถึงแพ้กระดานนั้นได้เลย ทั้งหมดนี้ใช้เวลาเรียนรู้กันเป็นปีๆนานกว่าการเล่น chess เพราะมีแผนมากกว่า และหัดยากกว่าด้วย ใครที่มีใจรักจะเล่นโชกิอาจประสบความลำบากในการฝึกฝนตรงนี้ได้ ก็ต้องลองพยายามดู


สำหรับการฝึกฝนโชกิ ผมแนะนำให้มือใหม่ฝึกเล่นกับโปรแกรมหรือแอปง่ายๆก่อนนะครับ โดยให้คอมลดหมากให้(ต่อให้) เริ่มจากลดสูงสุดไปเลย 10 หมาก แล้วหัดเล่นเพื่อฝึกทักษะการเดินหมากและการคิด จนมั่นใจว่าสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอนแล้วค่อยเลื่อนขั้น ทุกขั้นที่เราเลื่อนขึ้นไปจะต้องเรียนรู้ทักษะการคิดใหม่ๆเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ฝึกจนแข็งที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วจึงเลื่อนขั้นขึ้นไปทีละระดับครับ สำหรับโปรแกรมคิดว่าหาไม่ยากนะครับ ส่วนการเรียนรู้แผนต่างๆนั้นอาจต้องอาศัยความพยายามมากหน่อย เพราะหาเรียนจากเน็ตค่อนข้างยากครับ ต้องเสิร์จหาเป็นภาษาญี่ปุ่นเอาเมื่อเจอแล้วค่อยใช้กูเกิลแปลภาษา การเรียนปิดกระดานทำได้โดยฝึกแก้โจทย์ที่เรียกกันว่า ทสึเมะโชกิครับ อันนี้หาไม่ยากครับมีอยู่ครับทั้งในเน็ตและในแอป ใครอยากรู้ชื่อเว็บไซต์หรือโปรแกรมที่ใช้ลองหลังไมค์มานะครับ ไม่กล้าลงในนี้กลัวปล่อยไก่ครับ และมีแชนแนลโชกิภาษาอังกฤษในยูทูปที่ดังมากคนที่เล่นโชกิน่าจะรู้จักทุกคนชื่อ hidetchi ครับมีความรู้โชกิเบื้องต้นทั้งหมดถึง 40กว่าตอน การเปิดกระดานหลายสิบรูปแบบ(ไม่ครบนะครับ) การแก้โจทย์และการเล่นอื่นๆอีกครับ แถมยังมีคลิปการแข่งขันของมืออาชีพโชกิให้ดูด้วยครับ รายละเอียดทั้งหมดในโพสนี้มีอยู่ในแชนแนลนี้แบบละเอียดสุดๆครับ นับว่าดีมากๆและเป็นประโยชน์มากครับใครที่เข้าไปดูฝากช่วยกันเชียร์เขาด้วยนะครับเขาจะได้มีกำลังใจทำเพิ่ม ของดีๆครับ ส่วนใครที่อยากหาเองลองเสิร์จด้วยข้อความนี้ดูนะครับ 将棋 (โชกิ), 詰め将棋 (ทสึเมะโชกิ)


การเล่นโชกินั้นยากลำบากก็จริงแต่ก็สนุกและท้าทายมากๆ ต้องฝึกฝนเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจริงจัง และเมื่อเล่นเป็นแล้วก็จะติดหนึบเป็นแฟนเหนียวแน่นกันไปเลย เรียกว่าเท่ห์มากๆฉลาดสุดๆครับ มืออาชีพโชกิหล่อไม่แพ้โกะแน่นอนครับ ใครที่คิดว่าถ้าจะเล่นหมากกระดานต้องโกะมันถึงจะเก่งลองโชกิดูก็ได้นะครับ รับรองว่าถึงใจคุณแน่นอน

ที่มารูปภาพ  : http://praxeo-fr.blogspot.com/
                       http://news.kantsuu.com/201607/20160724073647_520311.shtml
                       https://www.i-tsu-tsu.co.jp/en/blog/317/
                       https://chinobouken.com/tendou/
                       http://shogifan.com/2017/05/04/human-shogi-matsuri-first-day-morning/
                     

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2561

สวัสดีและยินดีต้อนรับเข้าสู่บล็อกของผม เรื่องหมากกระดาน Chess และ โชกิครับ


     การเล่น Chess หรือ หมากรุก ไม่ว่าจะเป็นของชนชาติใด ก็มีความคล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็น ของฝั่งตะวันตกอย่าง Chess หรือฝั่งตะวันออกอย่าง หมากรุก, โชกิ, เซี่ยงฉี, จ้างกิ ก็ตาม 

  หมากรุกมีจุดกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย คือ หมาก Chaturanga หรือที่คนไทยเรียกกันว่า หมากจตุรงค์ ซึ่งคิดค้นขึ้นมาตั้งแต่ก่อน คริสต์ศตวรรธที่ 7 เสียอีก ความคล้ายคลึงกันของหมากรุกประเภทต่างๆ เช่น ต้องทำการรุกฆาตจับกินขุนเพื่อเป็นฝ่ายชนะ และความแตกต่างกันเล็กน้อยบางอย่างเช่น ประเภทของขุนพล ซึ่งหมากแต่ละประเภทจะไม่เหมือนกัน ขนาดของกระดานหมากจะไม่เท่ากัน เป็นต้น

    Chess หรือ หมากรุกนั้น เป็นเกมส์กีฬาหมากกระดานที่แข่งขันกันโดยใช้ความคิด และ การวางแผนการอย่างมีระบบ หรือที่เรียกกันว่า การวางแผนกลยุทธ หรือ ยุทธศาสตร์ ( Strategic Thinking) นั่นเองโดยที่ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายมีความเท่าเทียมกันในจำนวนหมาก และ ผลัดกันเดินหมากฝ่ายละหนึ่งตาเท่าๆกัน และกลั่นกรองความคิดในการเดินหมากเพื่อชิงความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง แม้เพียงเล็กน้อย แต่ถ้าสะสมไว้มากเข้าก็กลายเป็นผลแพ้ชนะได้

    การเล่น Chess ยังมีปัจจัยเรื่องเวลามาเกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากผู้เล่นบางคนใช้เวลาในการคิดหมากนานกว่าอีกฝ่าย ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่แสดงถึงความต่างของฝีมือ ดังนั้นจึงมีการตั้งเวลาในการเดินหมากขึ้น และใครใช้เวลาหมดก็จะถูกปรับแพ้ในกระดานนั้นทันที


   สำหรับบล็อกนี้ ผมก็เขียนขึ้นเพื่อจะเป็นการเผยแพร่หมากกระดาน โดยผมจะเน้นเพียง 2 ประเภทนั่นคือ Chess และ โชกิ โดยจะเขียนสลับๆกันไปนะครับ แต่จะไม่เน้นการเดินหมากมากนักเพราะมันต้องใช้ทักษะความเข้าใจด้วย เดี๋ยวคนอ่านจะงง ผมจะเขียนเป็นตอนๆไปเพื่ออ่านกันเบาๆและสนุกกับการเล่นได้ครับ 

(*** บทความนี้ผมเขียนขึ้นเองนะครับ ไม่ได้โกงหรือลอกใครมาและผมจะพยายามทำให้ถูกกติกาที่สุดครับ ใครหมั่นไส้อยากปิดบล็อกผม ก่อนจะทำช่วยบอกผมหน่อยเถอะครับว่าผมไปทำอะไรผิด ***)

Post นี้มาจาก : buddybomb357.blogspot.com 

ที่มา รูปภาพ : http://www.banskastiavnica.sk/stranka_data/obrazky/anglicky-web/135.jpg
                       https://japan-magazine.jnto.go.jp/en/1501_shogi.html